เคยสงสัยบ้างไหมว่าเราเป็นเราอย่างตอนนี้ได้อย่างไร อะไรล่ะทำให้ร่างกายที่ประกอบขึ้นด้วยอนุภาคมูลฐานมีชีวิตชีวามีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์ เรามีความรู้สึกรัก โลภ เกลียด หวงแหน และไม่อยากตาย หรือว่าจริง ๆ แล้วชีวิตเป็นมากกว่าที่เรารู้? ชีวิตคืออะไร ความตายคืออะไร สิ้นสุดที่ตรงไหน หรือว่าแท้จริงแล้วเราเป็นผู้เดินทางข้ามผ่านเวลาอันยาวนานอย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงทำไมเราจำไม่ได้ล่ะ หากเรามีชีวิตอยู่เพราะกรรม ทำไมธรรมชาติไม่สร้างให้เราจดจำอดีตชาติเพื่อแก้ตัว? ยังมีคำถามอื่น ๆ อีกมากมายที่ยากเกินจินตนาการ หากจะเปรียบแล้วมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ร่างกายของเราก็เป็นเพียงฮาร์ดแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรแกรมลึกลับบางอย่างที่ยากจะควบคุมแต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วทุกอย่างมันเป็นเรื่องธรรมดา... ปริศนาของชีวิตช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้นและมองมันด้วยมุมที่ต่างออกไป คำถามยาก ๆ ถูกแทนค่าด้วยคำอธิบายง่าย ๆ เชิงวิทยาศาสตร์ที่อ่านง่ายและจินตนาการตามได้จริง เมื่อเจาะลึกลงไปคุณจะพบว่าชีวิตแสนธรรมดาของเรานั้น มัน "ไม่ธรรมดา" เลยจริง ๆ

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ปฐมบทของโรคหดหู่ 5 โมงเย็น


ปฐมบทของโรคหดหู่ 5 โมงเย็น

ปฐมบทของโรคหดหู่ 5 โมงเย็น. โรคเหงา on time หรือ โรคซึมเศร้า เกิดจากยามพระอาทิตย์จะลับโลก ประสาทรับแสงที่ตาจะส่งข้อมูลไปยังสมองส่วนควบคุมเวลาอัตโนมัติ ว่าถึงเวลาพักงานของจิตสำนึก เพื่อเข้าสู่่ Standby Mode แล้ว คือถึงเวลานอน ให้สมองได้ทำการ Disk Defragment, Cleanup Disk etc... เพื่อให้มีเนื้อที่ในสมองสำหรับรับเรื่องใหม่ในวันรุ่งขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใน Standby Mode ประสาทตาจะรับแสงน้อยลง เพื่อเตรียมพัก จนง่วง เงา หาว นอน และหลับไปในที่สุด

นี่คือธรรมชาติปกติของมนุษย์ !!!

แต่ชีวิตในสังคมปัจจุบัน มันไม่เป็นไม่ตามธรรมชาติ คนทำงานข้ามเวลาเปลี่ยนกะของระบบประสาทไป เลยไม่ค่อยรับรู้ตอนเกิดการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่



ปัญหาจึงเกิดยามว่างคือ วันหยุด หรือ วันว่างหลังเกษียร หรือ วันของวัยที่ไม่ต้องทำมาหากินแล้ว เนื่องจากมีทรัพย์เพียงพอแล้ว
การรับรู้ถึงความมัีว สลัว เงียบ ยามเปลี่ยนกะเพื่อเข้าสู่ Standby Mode ให้จิตใต้สำนึกเริ่มทำงาน เพิ่งถูกสังเกตุ ทำให้รู้่สึกไปว่าจิตเศร้าหมอง จิตสำนึกไม่ยินยอมพร้อมใจ คิดว่าเป็นปัญหา เป็นป่วย เป็นโรค ต้องแก้ไข สมองเลยตั้งเป็นคำสั่งให้หาทางพ้นทุกข์อันนี้ เรื่องธรรมชาติปกติอันนี้เลยกลายเป็นทุกข์ เป็นโรคหดหู่ ซึมเศร้า เหงา เงียบ ไปโดยปริยาย ซึ่งหากไม่เข้าใจสาเหตุแท้ จะหลงไปแก้ไขหลายทาง บ้างว่าน่าจะเ้ป็น พากินสัน อัลไซเมอร์ ฯลฯ และจะแก้ได้ยากขึ้น เพราะเมื่อแก้แล้วไม่หาย จะเกิด Panic และคำสั่งจะวนลูปให้หาทางแก้ปัญหานี้ซ้ำลงไปเรื่อยๆ จนติดเข้าไปเป็นระบบอัติโนมัติ ทำให้ เกิดความเหงาฝังใจ แกะได้ยาก

ครวมนี้ไม่ต้องโพล้เพล้ก็เหงา ก็เศร้าได้ ในหัวจะวนเวียนแต่ความน่ากลัว ของคำว่า โรคประสาท หรือ บ้า จนส่งผลให้ไม่อยากเจอหน้าใคร ทำให้ยิ่งเหงาเข้าไปใหญ่ คนเยอะแค่ไหนก็เหงา แล้วจะแก้ปัญหาได้ยาก เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้ มีแต่ต้องทำความเข้าใจ และอยู่กับมันอย่างสมดุลเท่านั้น

การกินเหล้า เที่ยวเตร่ หากิเลสต่างๆ มากลบเกลื่อนความเหงา เงียบ เศร้า หดหู่ ทำได้ก็จริง พอเย็นปุ๊บก็หาอะไรทำปั๊ป หยุดปุ๊บก็วางแผนโน่นนี่ให้ยุ่งๆเข้าไว้ ตั้งเป้าหมายชีวิตให้สูงขึ้นๆ เพื่อจะได้มีเรื่องคิดให้มาก จะได้ไม่ว่างมารับรู้ความรู้สึกตอนเปลี่ยนกะที่เราคิดว่าเป็นโรค เป็นการแก้ปัญหาก็จริง แต่มันได้แค่ชั่วคราว หยุดเมื่อไหร่ก็รู้สึกได้อีก และถ้าหยุดนานมันก็เริ่มฝังคำสั่งอีกแก้ไม่เสร็จซักที

ผู้รู้และกลมกลืนกับธรรมขาติเท่านั้นจึงทุกข์น้อย เพราะไม่ส่งแรงไปดิ้นรนขัดขืนเปลี่ยนแปลงมัน แค่ดูมันด้วยความเข้าใจ และปรับตัวปรับใจให้กลับสู่ปกติตามที่มันควรจะเป็นชีวิตก็สดชื่นแล้ว และนี่จะเป็นก้าวแรกของความเป็น ผู้รู้ ผู้ตืน และ ผู้เบิกบานในที่สุด




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น