เคยสงสัยบ้างไหมว่าเราเป็นเราอย่างตอนนี้ได้อย่างไร อะไรล่ะทำให้ร่างกายที่ประกอบขึ้นด้วยอนุภาคมูลฐานมีชีวิตชีวามีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์ เรามีความรู้สึกรัก โลภ เกลียด หวงแหน และไม่อยากตาย หรือว่าจริง ๆ แล้วชีวิตเป็นมากกว่าที่เรารู้? ชีวิตคืออะไร ความตายคืออะไร สิ้นสุดที่ตรงไหน หรือว่าแท้จริงแล้วเราเป็นผู้เดินทางข้ามผ่านเวลาอันยาวนานอย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงทำไมเราจำไม่ได้ล่ะ หากเรามีชีวิตอยู่เพราะกรรม ทำไมธรรมชาติไม่สร้างให้เราจดจำอดีตชาติเพื่อแก้ตัว? ยังมีคำถามอื่น ๆ อีกมากมายที่ยากเกินจินตนาการ หากจะเปรียบแล้วมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ร่างกายของเราก็เป็นเพียงฮาร์ดแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรแกรมลึกลับบางอย่างที่ยากจะควบคุมแต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วทุกอย่างมันเป็นเรื่องธรรมดา... ปริศนาของชีวิตช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้นและมองมันด้วยมุมที่ต่างออกไป คำถามยาก ๆ ถูกแทนค่าด้วยคำอธิบายง่าย ๆ เชิงวิทยาศาสตร์ที่อ่านง่ายและจินตนาการตามได้จริง เมื่อเจาะลึกลงไปคุณจะพบว่าชีวิตแสนธรรมดาของเรานั้น มัน "ไม่ธรรมดา" เลยจริง ๆ

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การแผ่เมตตา

การแผ่เมตตา


การแผ่เมตตา คือการสำรวมจิตตั้งสมาธิกระจายความถี่ละเอียด หรือ ความสงบเย็นออกไปรอบทิศ หรือ เจาะจงไปยังจุดใดจุดหนึ่ง เพื่อให้ผู้รับสัมผัสได้ถึงความสงบเย็นที่เรากำลังดำเนินอยู่ เหมือนสัมผัสได้กับกระแสลมอ่อนเย็น วัตถุประสงค์ก็เพื่อสร้างจังหวะให้เขาเหล่านั้นเย็นลงชั่วขณะ หากเขากำลังเร่าร้อนอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้สติมีช่วงได้เกิด ซึ่งอาจส่งผลให้หลุดจากความเ่ร่าร้อนที่กำลังวนเวียนอยู่ได้ เหมือนกับการหยุดสะกิดใจกันสักนิด เผื่อชีวิตจะผิดทางอะไรทำนองนั้น จึงสรุปได้ว่าการแผ่เมตตาคือการสร้างโอกาสให้ดวงจิตที่กำลังเร่าร้อนได้สติ หากดวงจิตเหล่านั้นยังพอรับความถี่ดีๆนี้ได้ ดังนั้นการแผ่เมตตาจึงไม่ได้เป็นไปเพื่อการไล่ทุกข์ ไล่ผี หนีกรรม หลบเหลี่ยงผัดผ่อน ไม่ยอมชดใช้ผลจากการกระทำอันไม่น่าพึงพอใจของเราเอง ดังที่หลายคนคิดและทำกันอยู่ เพราะการแผ่เมตตาลักษณะนี้มีรากฐานความคิดแตกต่างจากการแผ่เมตตาแท้จริงชนิดคนละข้างเลยทีเดียว เนื่องจากการกระทำนี้ เริ่มจากความกลัว ความไม่ต้องการพบกับสิ่งอันไม่พึงประสงค์ กระแสจิตที่เกิดจากรากฐานนี้ย่อมไม่ใช่จิตที่สงบเย็นเป็นสุข กระแสที่ส่งออกไปย่อมไม่ใช่ความถึ่ละเอียด แล้วผู้ที่ได้รับ หรือรับได้ จะรู้สึกดีได้อย่างไร นอกจากไม่รู้สึกดีแล้วยังรู้สึกไม่ดีกับผู้ส่ง ไม่ต่างกับการได้ยินเสียงรบกวนจากคนข้างบ้านยังไงยังงั้น คนสวด นะโมตัสสะ เพื่อไล่ผี กับ คนที่ตั้ง นะโมตัสสะ เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า ยังไงก็ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น