เคยสงสัยบ้างไหมว่าเราเป็นเราอย่างตอนนี้ได้อย่างไร อะไรล่ะทำให้ร่างกายที่ประกอบขึ้นด้วยอนุภาคมูลฐานมีชีวิตชีวามีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์ เรามีความรู้สึกรัก โลภ เกลียด หวงแหน และไม่อยากตาย หรือว่าจริง ๆ แล้วชีวิตเป็นมากกว่าที่เรารู้? ชีวิตคืออะไร ความตายคืออะไร สิ้นสุดที่ตรงไหน หรือว่าแท้จริงแล้วเราเป็นผู้เดินทางข้ามผ่านเวลาอันยาวนานอย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงทำไมเราจำไม่ได้ล่ะ หากเรามีชีวิตอยู่เพราะกรรม ทำไมธรรมชาติไม่สร้างให้เราจดจำอดีตชาติเพื่อแก้ตัว? ยังมีคำถามอื่น ๆ อีกมากมายที่ยากเกินจินตนาการ หากจะเปรียบแล้วมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ร่างกายของเราก็เป็นเพียงฮาร์ดแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรแกรมลึกลับบางอย่างที่ยากจะควบคุมแต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วทุกอย่างมันเป็นเรื่องธรรมดา... ปริศนาของชีวิตช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้นและมองมันด้วยมุมที่ต่างออกไป คำถามยาก ๆ ถูกแทนค่าด้วยคำอธิบายง่าย ๆ เชิงวิทยาศาสตร์ที่อ่านง่ายและจินตนาการตามได้จริง เมื่อเจาะลึกลงไปคุณจะพบว่าชีวิตแสนธรรมดาของเรานั้น มัน "ไม่ธรรมดา" เลยจริง ๆ

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ถ้าวัดอารมณ์เป็นตัวเลขได้ โลกจะเป็นยังไง


ตอนนี้คุณกำลังโกรธอยู่นะ ไว้ใจเย็นลงหน่อยแล้วค่อยคุยกัน
ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย

จะว่าไม่โกรธได้ยังไง ตัวเลขที่กำไลวัดอารมณ์ไปถึง 80 แล้ว ยังว่าไม่โกรธอีก รอให้เหลือ 30 แล้วค่อยคุยกันใหม่เถอะ

หรือว่า

เป็นอะไร ความกลัวขึ้นไปถึง 90 แล้ว
ไม่รู้สิ เป็นอะไรไม่รู้ อยู่ดีๆ มันก็กลัว
งั้นลองนั่งสวดมนต์ทำสมาธิสัก 20 นาทีซิว่ามันจะลดลงมั๊ย

โห ลดลงเหลือ 20 แล้ว ดีจังเลย สบายใจขึ้นมากทีเดียว

เหตุการณ์สมมุติเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ถ้าเราสามารถผลิตเครื่องวัดอารมณ์เป็นกำไลพกพาได้
















หลักการก็ไม่ยากอะไร เพียงรวบรวมระบบวัดสัญญาณชีพทั้ง 5 ตัว คือ อุณหภูมิ ความดัน จังหวะหัวใจ จังหวะหายใจ และจำนวน Oxygen แบบที่ใช้วัดกันในห้อง ICU มาย่อใส่ในกำไล โดยมีฐานข้อมูลเก็บประวัติตัวเลขระหว่างมีอารมณ์ต่างๆ ไว้เปรียบเทียบ เราก็จะสามารถแสดงระดับอารมณ์ออกเป็นตัวเลขได้ไม่ยาก เพราะอารมณ์คนเกี่ยวพันกับสัญญาณชีพอย่างแยกกันไม่ออกอยู่แล้ว อย่างตอนโกรธ หัวใจจะเต้นแรง ความดันสูง อุณหภูมิสูง หายใจเร็ว แรง เพื่อเอา oxygen เข้าไปช่วยสันดาปให้มาก เพื่อเตรียมตัวสู้ ตอนกลัวคนก็หายใจเบา หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิต่ำ ความดันต่ำ เพื่อกักเก็บพลังงานไว้หนี การวัดอารมณ์เลยไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้




















ประโยชน์ของการวัดอารมณ์ คือการสร้างตัวควบคุมยามรู้สึกไม่ดี เอาไว้เปรียบเทียบกับตัวเลขหลังปฏิบัติการแก้ไขอารมณ์ต่างๆไปแล้ว ว่ามีผลคืบหน้าประการใด ไ่ม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายด้วยการสวดมนต์ ไหว้พระ ทำสมาธิ ดูหนังฟังเพลง ตลอดจนการแทรกแซงอารมณ์ต่างๆ เช่นชวนคุย เป็นต้น ซึ่งการวัดค่าได้นี้ จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาของอารมณ์แต่ละแบบทำได้ถูกวิธีมากขึ้น จนสามารถกำหนดเป็นแนวทางที่วัดผลได้จริง












ในทางกลับกัน ก็สามารถทำให้คนรู้สาเหตุแห่งอารมณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นจนสามารถหลีกเลี่ยงต้่นเหตุนั้นๆได้ เพราะถ้าเราเห็นว่าการไม่พอใจเล็กๆ น้อยทำให้ตัวเลขมันสูงจนอาจเป็นผลเสียต่อหัวใจ ความดัน หรือ ความตึงของผิวหน้าผิวหนังเนื่องจากถูกดูดเอาพลังงานออกไปใช้จำนวนมากจนเหี่ยว ก็จะได้คิด และไม่ค่อยอยากมีอารมณ์สักเท่าไหร่













เมื่อรักษาอารมณ์ รักษาจิต รักษาใจ ไปได้นานๆ ความสงบก็จะเกิดขึ้นในใจเป็นปกติ และอาจระบาดความสงบไปทั่วสังคมจนเกิดยุคประชาสุขสรรค์ก็เป็นได้

^_^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น