เคยสงสัยบ้างไหมว่าเราเป็นเราอย่างตอนนี้ได้อย่างไร อะไรล่ะทำให้ร่างกายที่ประกอบขึ้นด้วยอนุภาคมูลฐานมีชีวิตชีวามีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์ เรามีความรู้สึกรัก โลภ เกลียด หวงแหน และไม่อยากตาย หรือว่าจริง ๆ แล้วชีวิตเป็นมากกว่าที่เรารู้? ชีวิตคืออะไร ความตายคืออะไร สิ้นสุดที่ตรงไหน หรือว่าแท้จริงแล้วเราเป็นผู้เดินทางข้ามผ่านเวลาอันยาวนานอย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงทำไมเราจำไม่ได้ล่ะ หากเรามีชีวิตอยู่เพราะกรรม ทำไมธรรมชาติไม่สร้างให้เราจดจำอดีตชาติเพื่อแก้ตัว? ยังมีคำถามอื่น ๆ อีกมากมายที่ยากเกินจินตนาการ หากจะเปรียบแล้วมนุษย์เราก็ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ร่างกายของเราก็เป็นเพียงฮาร์ดแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรแกรมลึกลับบางอย่างที่ยากจะควบคุมแต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วทุกอย่างมันเป็นเรื่องธรรมดา... ปริศนาของชีวิตช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้นและมองมันด้วยมุมที่ต่างออกไป คำถามยาก ๆ ถูกแทนค่าด้วยคำอธิบายง่าย ๆ เชิงวิทยาศาสตร์ที่อ่านง่ายและจินตนาการตามได้จริง เมื่อเจาะลึกลงไปคุณจะพบว่าชีวิตแสนธรรมดาของเรานั้น มัน "ไม่ธรรมดา" เลยจริง ๆ

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มนุษย์เกิดมาทำไม และอยู่เพื่ออะไร


คำถามยอดฮิตสำหรับนักคิดจิตตก (ทางโลกเรียกจิตตก ทางธรรมเรียกจิตตื่น)

ยามใดจิตสงัดจากเรื่องวุ่นวายที่ผูกมัดร้อยรัดตัว มันจะตื่นขึ้นมารู้ความจริงว่าสุดทางคือตาย เลยมักเกิดคำถามผุดขึ้นในใจว่า แล้วมันจะเกิดมาทำไม และอยู่เพื่ออะไร

คำตอบคือ มาเกิดในเซลล์แรกกำเนิดเพื่อหาแหล่งพลังงานใหม่ แล้วเริ่มผลิตพลังงานเองเพื่ออยู่ต่อ และตายเพราะแหล่งผลิตพลังงานเก่าหมดประสิทธิภาพ เลยต้องไปหาโรงผลิตใหม่
















ชีวิตมีอยู่เท่านี้จริงๆ เจ้าตัวคำสั่งหาพลังงานนี่ก็เป็นแค่โปรแกรมเล็กๆ มีหน้าที่เป็น sensor วัดพลังงาน ติดตั้งอยู่บริเวณต่อมไพนีัลใต้สมองส่วนกลาง เป็นต่อมเล็กนิดเดียว






เมื่อไหร่มันวัดพลังงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานมันก็ส่งตัวเองไปหาที่ติดตั้งใหม่เหมือนกับเราส่งอีเมล์ไปยังจุดหมายที่ใช้รูปแบบ หรือ Protocol เดียวกัน ทุกเรื่องของชีวิต จึงมีแค่หาพลังงานไม่มีเรื่องอื่น การกระทำต่างๆของมนุษย์ไม่มีเรื่องใดไม่เกี่ยวไม่ข้องกับการหาพลังงาน ไม่หาจากตัวเอง ก็หาจากคนอื่น
 


แหล่งพลังงานภายในเกิดจากการกินเอาสารอาหาร nutrients การหายใจเอา oxygen เข้าไปผลิตเป็นก้อนพลังงานเรียกว่า ATP ที่สามารถระเบิดในเนื้อเยื่อต่างๆ ให้เกิดการหดขยายของกล้ามเนื้อ เกิดเป็นการเคลื่อนไหวต่างๆ คนเลยต้องกิน ต้องหากิน ต้องทำกิน ต้องแย่งหากิน ต้องเก็บตุน ก็เพื่อหาวัตถุดิบไปผลิตพลังงานนี้
 


นอกจากแหล่งพลังงานภายในแล้ว มนุษย์ยังสามารถหาแหล่งพลังงานภายนอกมาใช้ได้ นั่นคือ ใช้แรงงานคนอื่น ใช้เครื่องทุ่นแรง เครื่องมือ เครื่องจักร มาทำแทนตน เพื่อประหยัดพลังงานของตน ซึ่งจะกระทำอย่างนี้ได้ ต้องมีการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงิน หรือ ใช้อำนาจ ลงท้ายก็เพื่อใช้คนอื่นนั่นเอง
 ความได้เปรียบเสียเปรียบของการแลกเปลี่ยนพลังงานเริ่มที่ตรงนี้ ใครใช้พลังงานตัวเองน้อย แลกเปลี่ยนได้พลังงานคนอื่นมากก็ดี ก็ได้เปรียบ พอทำให้ตัวเองได้ ก็เริ่มทำให้ตัวคนอื่นที่นับว่าเป็นของตนด้วย ไม่ว่าจะทำเพื่อครอบครัว เพื่อนฝูง หรือพวกพ้อง  การเอารัดเอาเปรียบ ความเห็นแก่ตัวต่างๆ ตลอดจนการแสวงหาเงิน และอำนาจ ก็เกิดขึ้นตรงนี้ ครั้นหาไปนานๆ เลยไปติดการต่อสู้ แก่งแย่ง ชิงดี ติดเงิน ติดอำนาจ ติดวาสนา(คือสบาย ใช้พลังงานน้อย) จนลืมเลือนปฐมเหตุของการประหยัดพลังตัวเองซึ่งแท้จริงไม่ได้ต้องการมากมายอะไรนักไป จนบางคนถึงกับเกิดคำถามกับตัวเองว่า กินก็แค่นี้ อยู่ก็แค่นี้ ทำไมต้องหา ต้องก่อกรรม ต้องต่อสู้ มากมายขนาดนั้น แต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้ เพราะมันหาจนโปรแกรมจิตใต้สำนึกหรือ AI (Artificial Intelligence) บรรจุเป็นระบบอัตโนมัติไปแล้ว ไม่หาหัวใจก็โดนกระตุ้นให้กระวนกระวาน ใช้มากก็เสียดาย หัวใจโดนกระตุ้นอีก เลยเก็บไปจนตาย ลงท้ายให้คนอยู่ไปใช้แทน ทั้งที่คิดว่ามีอำนาจ วาสนา ใช้พลังงานใครก็ได้ แต่ร่างกายตัวเองกลับเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน จนไม่สามารถผลิตพลังงานน้อยนิดเพื่อยังชีวิตได้ เลยตาย สิ่งที่เหลือไม่ว่ายิ่งใหญ่เพียงใด มีพลังให้ใช้เหลือเฟือขนาดไหน ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปเพราะรับเข้าไม่ได้แล้ว ต้องไปหาแหล่งพลังงานอื่น เริ่มจาก 0 ใหม่


 





เรื่องชีวิตเลยมีอยู่เท่านี้ หากตื่นมารู้ว่ามันมีเท่านี้ พฤติกรรมต่างๆ ก็จะกลับมาสมเหตุดังเดิม คืออยู่อย่างพอเพียง ตอนจะไปเกิดอีกทีรูปแบบที่จะไปก็จะสงบ ไม่เร่าร้อน Protocol ที่จะไป ก็จะอยู่ในย่านความถี่ละเอียดที่สูงกว่าย่านความถี่ของมนุษย์



1 ความคิดเห็น: